ความเครียด ความเครียดระหว่างตั้งครรภ์ คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้อาจส่งผลเสียต่อลูกน้อยของคุณ โดยที่คุณไม่รู้ตัว หากคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนมีความเครียดระหว่างตั้งครรภ์ มาดูกันว่าความเครียดส่งผลต่อทารกในครรภ์อย่างไรบ้าง และวิธีจัดการกับความเครียดการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของคุณมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกาย และระดับฮอร์โมนภายใน ดังนั้น บางครั้งคุณแม่จึงมีอาการอารมณ์แปรปรวน โกรธง่าย นอกจากนี้ บางครั้งฉันยังรู้สึกเครียดและกังวลกับหลายๆ เรื่อง ทั้งลูกในท้อง สุขภาพและหลายๆ ปัจจัย ทั้งเรื่องงานและครอบครัว ชีวิตประจำวัน ฯลฯอีกทั้งอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ เช่น แพ้ท้อง อ่อนเพลีย ปวดหลัง ปัสสาวะบ่อยหรือนอนไม่หลับ
นี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีความเครียดได้ง่ายๆ หากคุณแม่มีความเครียดสะสมมากๆ ก็จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาในปริมาณมาก ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับและอาการอื่นๆ ยิ่งแม่เครียด ภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อก็จะยิ่งลดลง ความดันโลหิตสูง อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น และมีโอกาสคลอดก่อนกำหนด
ความเครียดไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพของแม่เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเด็กในครรภ์อย่างมากอีกด้วย เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มี ความเครียด เพิ่มขึ้น ร่างกายจะหลั่งสารเคมี และฮอร์โมนความเครียดออกมามากขึ้น ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงมดลูกและรกตีบตันลดปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงทารกในครรภ์ ชะลอทารกในการเติบโต มีโอกาสติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์สูง และเสี่ยงต่อการแท้งบุตรนอกจากนี้ทารกในครรภ์ยังสามารถรับรู้อารมณ์ และความรู้สึกของมารดาได้ จากสารเคมีที่หลั่งออกมาในเลือด
ถ้าคุณแม่อารมณ์ดีร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ให้ลูกเติบโตมีพัฒนาการที่ดี แต่ถ้าคุณแม่เครียด ซึมเศร้าหรือกลัว ร่างกายจะหลั่งอะดรีนาลีน ยังทำให้ลูกของคุณรู้สึกเครียดได้ นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปสู่การลดน้ำหนักแรกเกิดในทารกหลังคลอด มีปัญหาสุขภาพที่พัฒนาช้านำไปสู่ปัญหาการเรียนรู้ ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ยาก ตลอดจนปัญหาทางอารมณ์ เช่น กลัว โกรธง่าย ร้องไห้เก่ง เลี้ยงยากและอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าในเด็กได้
วิธีจัดการกับความเครียดของผู้หญิงตั้งครรภ์คือ ต้องเข้าใจอารมณ์ของตัวเองก่อน เรียนรู้เกี่ยวกับอาการต่างๆ ที่แม่ต้องประสบระหว่างตั้งครรภ์ เตรียมพร้อมและรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวลได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเครียด อย่าปล่อยให้ความเครียดสะสมนานๆ แต่ให้หาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เดินเล่น เป็นต้น
หาเพื่อน หาอาหารดีๆและทำงานอดิเรกที่คุณรัก พูดคุย และเล่นกับลูกน้อยในครรภ์ ออกกำลังกายเบาๆ รวมทั้งทำสมาธิ สิ่งนี้จะช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวลความเครียดระหว่างตั้งครรภ์ เป็นสิ่งที่คุณแม่ทุกคนต้องเผชิญเป็นประจำ หากคุณแม่สามารถรับมือและจัดการกับความเครียดได้ดี แม้จะมีความเครียดบ้างเล็กน้อยก็ไม่ส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ลูกน้อยของคุณจัดการกับความเครียดจากการคลอดได้ดีขึ้น แต่อย่างที่เคยบอกไปว่าถ้าคุณแม่เครียด อาจทำให้เกิดผลเสียต่อมารดา และทารกในครรภ์ได้ฉันจะท้องได้อย่างไรสาวๆ มาลองเช็กกันดูว่า คุณขาดสิ่งเหล่านี้ไปหรือเปล่าในขณะที่ทานยา ยาเม็ดคุมกำเนิด หากเราไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ไม่ว่า
ด้วยเหตุผลใดเชื่อว่า วิธีการคุมกำเนิดที่หลายคนเลือกใช้คือ ยาคุมกำเนิดเพราะสะดวกและราคาไม่แรงมาก และสามารถช่วยคุมกำเนิดได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มีกรณีศึกษามากมายที่แสดงให้เห็นว่า การกินยาเป็นประจำทำให้หน้าท้องบวมขึ้น คนกินยาแล้วท้องพลาดตรงไหนมาเช็กกันเถอะกินยาคุมกำเนิดให้ตรงเวลา กินยาคุมกำเนิดทุกวัน ยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนที่ยับยั้งการตกไข่ ยาคุมกำเนิดทำงานได้ดีเมื่อฮอร์โมนของคุณ ทำงานประสานกัน
ดังนั้นการกินยาคุมกำเนิดตามกำหนด อาจทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลได้ เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์รับประทานยาคุมกำเนิดร่วมกับยาปฏิชีวนะ ยากันชักและยารักษาวัณโรค ยาบางชนิดสามารถลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด เช่น ยาปฏิชีวนะที่อาจลดการดูดซึมยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือยากันชัก และยารักษาวัณโรค ดังนั้นหากคุณกินยาคุมกำเนิด และกินยาเหล่านี้ในเวลาเดียวกัน ฤทธิ์ป้องกันของยาคุมกำเนิดอาจลดลง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเป็นไปได้ในการตั้งครรภ์
กินยาคุมกำเนิดและยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท นอกจากยาปฏิชีวนะแล้ว ยาจิตเวชบางตัวยังมีปฏิกิริยากับยาคุมกำเนิดด้วย เป็นยาควบคุมอารมณ์ ใช้เพื่อรักษาอารมณ์ของผู้ป่วย โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า ยานี้ยังสามารถลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดในผู้ที่เป็นโรคไบโพลาร์ ทานคู่กันโอกาสตั้งครรภ์ย่อมมากขึ้นแน่นอน
อาเจียนหรือท้องเสียหลังจากกินยาคุมกำเนิด อีกสาเหตุที่ทำให้ท้องได้ ทั้งๆ ที่กินยาเป็นประจำ เนื่องจากบางคนกินยาไปแล้วแต่อ้วกภายใน 2 ชั่วโมงหลังกิน หรือท้องเสียตลอดทั้งวัน สถานการณ์แบบนี้ เรียกได้ว่ายาที่ทานเข้าไปไม่ทันถูกดูดซึมพลังทั้งหมดคืออะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีอาการอาเจียนหรือท้องร่วงเป็นเวลา 2 วัน เทียบเท่ากับการกินน้อยกว่า 2 แคปซูลก็เห็นโอกาสตั้งครรภ์
บทความที่น่าสนใจ : สุขภาพ อธิบายและศึกษาวิธีการลดน้ำหนักให้สุขภาพดีพร้อมหุ่นที่สวยขึ้น